บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ BMW K 1600 GTL ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์แบบทัวร์ริ่งเครื่องยนต์ 6 สูบ คันแรกจากบีเอ็มดับเบิลยู ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 32 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 5 เมษายน 2554 ที่ชาเลนเจอร์ฮอล อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พร้อมนำโมเดลตัวท๊อปมาโชว์นวัตกรรมเต็มสูบ
จากการเปิดเผยของ ม.ล. กมลชาติ ประวิตร ผู้จัดการทั่วไป บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวว่า รถจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในเมืองไทย พร้อมนำมาเปิดตัวให้นักบิดได้สัมผัสเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด และตามติดมาด้วยรถคู่ใจแชมป์นักขี่ผาดโผน ตลอดจนโมเดลอื่นที่กำลังนิยมสำหรับตลาดบิ๊กไบค์เมืองไทย
ม.ล. กมลชาติ ประวิตร กล่าว “BMW K 1600 GTL เป็นสุดยอดมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่ง ‘Gran Turismo’ ที่มาพร้อมนวัตกรรมเครื่องยนต์ 6 สูบที่เหนือชั้น ซึ่งในเมืองไทย เราเลือกที่จะนำเสนอรุ่น GTL โดย ‘L’ เป็นรหัสที่บ่งบอกถึงการตกแต่งแนว ‘Luxury’ และมีคาร์แรกเตอร์การขับขี่ที่โดดเด่นด้วยความสามารถผลิตกำลังมหาศาลได้อย่างเรียบเนียนและราบรื่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้น ทั้งระบบ DTC Dynamic Traction Control และระบบช่วงล่าง ESA II Electronic Suspension Adjustment ที่ช่วยเพิ่มความปราดเปรียวคล่องตัว ในขณะเดียวกันก็ให้ความมั่นคงปลอดภัย”
“สำหรับอีกรุ่นที่เราจะจัดแสดงคือ BMW G 650 GS ที่เพิ่งเปิดตัวในงานบางกอกมอเตอร์ไบค์เฟสติวัลเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยรุ่นนี้เป็นมอเตอร์ไซค์แบบ Euduro ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เน้นความปราดเปรียวคล่องตัว ใช้เครื่องยนต์แบบ 1 สูบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ ซึ่งได้รับการยอมรับในวงการมอเตอร์ไซค์มาแล้วจากรุ่น F 650 GS ในอดีต ส่วน BMW F 800 R ‘The Naked Bike’ ก็มีความพิเศษอย่างมากเช่นกัน ด้วยความปราดเปรียวคล่องตัวอย่างเหนือชั้น ทำให้ได้เป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจของ คริส ไฟเฟอร์ แชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย และในงานนี้เรายังมีอีก 2 รุ่นที่เป็นที่นิยมสำหรับตลาดเมืองไทยด้วย ได้แก่ BMW S 1000 RR และ BMW K 1300 R ด้วย” บิ๊กบอส ค่ายใบพัดสีฟ้า กล่าวทิ้งท้าย
BMW K 1600 GTL
ใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียง ความจุ 1,649 ซีซี สามารถผลิตกำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตรที่ 5,250 รอบ ซึ่งกว่า 70% ของแรงบิดมาตั้งแต่รอบเพียง 1,500 รอบ ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบ Helical Synchromesh 6 สปีด เสริมเทคโนโลยี Lightweight Engineering ทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบนี้มีน้ำหนักเพียง 102.6 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในคลาสเครื่องยนต์พิกัดมากกว่า 1 ลิตร ทางด้านเฟรมของตัวรถเป็นโครงสร้างแบบ Bridge และระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Duolever และช่วงล่างด้านหลังแบบ Paralever โดยทั้งหมดนี้ผลิตจากวัสดุอัลลอยด์ที่น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ มีน้ำหนักทั้งหมดรวมกล่องเก็บสัมภาระแล้วอยู่ที่ 348 กิโลกรัม และมาถึงไฮไลท์ที่ระบบแสดงผลข้อมูล Multi-Controller โดยแสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์แบบ Color TFT ขนาด 5.7 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่ระหว่างมาตรวัดความเร็วและวัดรอบ ซึ่งนอกจากจะสามารถแสดงข้อมูลจากระบบ On-board Computer ต่างๆ แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมสั่งการระบบ Infotainment ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีการประยุกต์ใช้ระบบดังกล่าวในมอเตอร์ไซค์
BMW G 650 GS
เป็นมอเตอร์ไซค์ประเภท Enduro ขนาดเล็กในตระกูล GS ที่พัฒนาต่อเนื่องมากจากรุ่น F 650 GS โดยใช้เครื่องยนต์แบบ 1 สูบ ขนาด 652 ซีซี พร้อมด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดและหัวเทียนคู่ ใช้อัตราส่วนกำลังอัดสูง 11.5:1 สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 48 แรงม้าที่ 6,500 รอบ และแรงบิดสูงสุดได้ 60 นิวตัน-เมตรที่ 5,000 รอบ ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Telescopic Forks และด้านหลังแบบ Solid Dual Swing Arm พร้อมโช้คอัพเดี่ยว และใช้ล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้วในด้านหน้า และ 17 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้างในด้านหลัง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและเสถียรภาพในการบังคับ อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งระบบเบรก ABS จากโรงงาน (ราคาประมาณ 580,000 บาท)
BMW S 1000 RR
ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบบนตัวถังเฟรมอลูมิเนียม ขนาด 1,000 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบวาล์วพิเศษที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตรที่ 9,750 รอบ และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายใน 2.9 วินาที มุ่งเน้นที่เสถียรภาพการขับสไตล์เรซซิ่ง แต่ไม่ลืมติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ เช่น Race ABS และระบบ DTC Dynamic Traction Control ที่สามารถปรับเลือกโหมดการขับให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานได้ (มีตัวเลือก 3 รุ่น ราคาประมาณตั้งแต่ 970,000-1,070,000 บาท)
BMW F 800 R
รุ่นสร้างชื่อในการแข่งขันการขับมอเตอร์ไซค์แบบผาดโผน โดยการเป็นรถคู่ใจของแชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย คริส ไฟเฟอร์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 2 สูบ 800 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถผลิตกำลังสูงสุด 88 แรงม้าที่ 8,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 86 นิวตัน-เมตรที่ 6,000 รอบ มีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตกำลังขับเคลื่อนในช่วงรอบที่กว้างโดยเฉพาะระหว่างรอบ 5,000-8,000 รอบ ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งน้ำหนักตัวถังเพียง 199 กิโลกรัม (รวมน้ำมัน) ทำให้มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความปราดเปรียวสูงที่สุดคันหนึ่ง (ราคาประมาณ 730,000 บาท)