วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับน้ำมัน E20 GASOHOL

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ความรู้เกี่ยวกับน้ำมัน E20 GASOHOL
E20 คือน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอลซึ่งเป็นแอลกอฮอล์
บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซิน 80 : เอทานอล 20 ได้เป็นน้ำมัน
E 20 ออกเทน 95 ตามมาตรฐานของกระทรวงพลังงาน

E20 ใช้กับเครื่องยนต์แบบไหน



E20 ใช้ได้กับเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้ E 20 โดยรถที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 20 ได้ยังสามารถใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ได้อีกด้วย

เอทานอล ใน E20 ทำจากอะไร



E20 มีส่วนผสมของเอทานอลที่ผลิตได้เองจากพืชผลเกษตรในประเทศถึง 20% (มันสำปะหลัง) ซึ่งพลังงานชีวภาพเหล่านี้ช่วยลดมลพิษจาก การเผาไหม้ โดยลดคาร์บอนไดออกไซด์ และสารไฮโดรคาร์บอนลงจึง ลดการเกิดภาวะโลกร้อน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ E20


1.สมรรถนะของเครื่องยนต์เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเบนซิน
- ด้วยสาดดดส่วนของเอทานอลที่เพิ่มขึ้นเป็น 20% ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์ สะอาดขึ้น กำลังของเครื่องยนต์ และแรงบิดจึงมีประสิทธิภาพดีขึ้น
- อัตราเร็วสูงสุดใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันเบนซิน
2.รถรุ่นไหนบ้างที่ใช้ E20 ได้
ในเบื้องต้นจะมีรถยนต์แก๊สโซฮอล์ E 20 จำหน่ายในปี 51 ประมาณ 60,000คัน
จาก 5 ยี่ห้อ (ข้อมูลจากบริษัทรถยนต์ ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2550)
- Ford : Focus ทุกรุ่นตั้งแต่ปี 2005, Escape 3.0 L ตั้งแต่ปี 2005
- Honda : Accord, CR-V, Civic, City รุ่นปี 2008
-Mazda : Mazda 3
- Mitsubishi: New Space Wagon minor change
- Nissan : Tiida, Teana รุ่นปี 2008
- Toyota : Camry, New Altis, New Vios รุ่นปี 2008
3.รถที่ใช้แก๊สโซฮอล์ อยู่ในปัจจุบันจะเปลี่ยนไปใช้ E 20 ได้หรือไม่
รถที่จะใช้ E 20 ได้ ต้องเป็นรถที่ออกแบบมาเฉพาะ โดยมีการพัฒนาอุปกรณ์บางอย่างในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม เพื่อรองรับส่วนผสมของเอทานอลที่สูงกว่าร้อยละ 10
ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณเอทานอลที่สูงขึ้นเป็นร้อยละ 20 ในแก๊สโซฮอล์ E 20 นั้น จะส่งผลถึงความสามารถในการกัดกร่อนยาง และโลหะ หรือทองแดง ในระบบเก็บส่งน้ำมันในเครื่องยนต์
จากการศึกษาพบว่าชิ้นส่วนที่สัมผัสกับน้ำมันโดยตรง เช่น ถังน้ำมัน ท่อส่งน้ำมัน หัวฉีด คาบูเรเตอร์ ที่ทำจากโลหะ ทองเหลือง ทองแดง ยาง พลาสติก รวมถึงระบบสมองกล ECU จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
ปัจจุบันมีค่ายรถยนต์เพียงรายเดียวที่ออกแบบชิ้นส่วนให้รองรับการใช้ E 20 ได้แก่ ฟอร์ด โฟกัส โดยปรับเปลี่ยนโลหะบางชนิดมาใช้สเตนเลสแทน ซึ่งทนทานกว่า และคาดว่าในปีนี้ค่ายรถยนต์อื่นๆ จะเปิดตัวรถยนต์ที่รองรับการใช้ E 20 หลังรัฐบาลให้การสนับสนุนมาตรการด้านภาษีกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E 20 ในปี 2551


มาตรฐานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20



ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงานเรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ พบว่าคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 20 นั้น แทบจะไม่ได้แตกต่างจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 มีค่าเพียง 3 ค่าที่แตกต่างกันคือ 1. อุณหภูมิการกลั่น 2. ความดันไอสูง 3. ปริมาณผสมเอทานอล

ประโยชน์ของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 20 ต่อผู้บริโภค



1. ผู้บริโภคได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาถูกลงกว่าลิตรละ 5 บาท
2. ราคารถยนต์ที่ใช้ E20 ถูกลงจากการลดภาษีสรรพสามิตประมาณคันละ 5 หมื่น -1 แสนบาท

ข้อดีของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์



1. การเผาไหม้ของ E 20 สมบูรณ์กว่าน้ำมันเบนซินปกติ จึงช่วยเพิ่มกำลังและ แรงบิดของเครื่องยนต์
2. การใช้แก๊สโซฮอล์ E 20 ช่วยลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกกว่าร้อยละ 30
3. ช่วยพยุงราคาพืชผล(มันสำปะหลัง) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอทานอล
4. ลดการนำเข้าน้ำมันเบนซิน

ปัญหาจาก E20



เนื่องจาก เอทานอลคือแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ มีคุณสมบัติเด่นที่ต่างจากน้ำมันเบนซิน เช่น จุดเดือดของแอลกอฮอล์จะต่ำกว่าน้ำมันทำให้มีแรงดันไอมากกว่า ซึ่งจะมีปัญหากับรถบางรุ่น โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าที่ใช้คาร์บิวเรเตอร์ ที่มีถังน้ำมันติดตั้งห่างจากตัวเครื่องยนต์มากเกินไป หรือรถยนต์ที่มีขนาดของท่อเชื้อเพลิงที่เล็กเกินไป อาจมีผลทำให้แอลกอฮอล์ที่อยู่ในท่อเชื้อเพลิงเปลี่ยนสภาพจากของเหลวเป็นไอได้ง่าย เนื่องจากความฝืดของท่อมีมาก ส่งผลให้การหมุนของเครื่องยนต์มีความเร็วรอบไม่สม่ำเสมอ เครื่องจะกระตุกหรือดับในบางช่วง
นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติการกัดกร่อนสูง ยิ่งสาดดดส่วนของแอลกอฮอล์ในน้ำมันมากขึ้นจะยิ่งเพิ่มคุณสมบัติการกัดกร่อนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสามารถกัดกร่อนยาง พลาสติกบางชนิด และโลหะประเภททองเหลือง ทองแดง และอาจส่งผลให้ท่อส่งน้ำมันไปจนถึงถังน้ำมันเกิดการผุกร่อนจนทะลุได้ภายในระยะเวลาประมาณ ครึ่งปี – 1 ปี
สำหรับผู้ที่ใช้ แก็สโซฮอล์ E10 แล้วยังมีปัญหา ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ใช้รถที่มักจะจอดรถทิ้งไว้นานๆ ไม่ได้ใช้รถเป็นประจำ ทำให้แอลกอฮอล์กับน้ำมันเกิดการแยกตัวออกจากกันเพราะ ทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินไป แอลกอฮอล์ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าจะลอยอยู่ด้านบน
เมื่อมีการใช้รถ เชื้อเพลิงที่ถูกสูบเข้าไปในห้องเครื่องจะไม่ใช่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ แต่จะเป็นแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูงมากหรือเทียบได้กับการใช้แอลกอฮอล์ล้วน ๆ เป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดปัญหากับระบบเผาไหม้ของเครื่องยนต์

รถแต่งอัพเดท